ต่าง ๆ นานา หรือ ต่าง ๆ นา ๆ คำไหนหนาที่เขียนถูก หลายคนเมื่อเห็นคำว่า “ต่าง ๆ นานา” หรือ “ต่าง ๆ นา ๆ” แล้ว จะรู้สึกว่า “เอ๊ะ! คำไหนกันนะที่เขียนถูกกันแน่”
วันนี้บล็อกการศึกษาเรียนภาษาไทยน่ารู้กับครูปิยะฤกษ์ขอนำทุกท่านมารู้จักกับคำว่า “นานา” ครับ ซึ่งการนำเสนอเรื่องนี้นั้นเกิดจากการมีแรงบันดาลใจเรียบเรียงเรื่องนี้ขึ้นใหม่ ด้วยมีนักเรียนคนหนึ่งไม่เข้าใจในการเรียนที่โรงเรียนจึงได้ถามเรื่อง “คำซ้ำ” และคำว่า “นานา” ในบล็อกแห่งนี้ครับ
“นานา” ไม่ได้มีความหมายว่า “ทุ่งนา” คำว่า นานา นี้จัดเป็นคำวิเศษณ์ซึ่งให้ความหมายว่า “ต่าง ๆ” คำว่า “ นานา” ไทยเรารับอิทธิพลมาจากภาษาบาลี (ปาลิ : อักษรย่อของภาษานี้ ก็คือ ป. นั่นเองครับ) ส่วนเวลานำมาใช้เรามักใช้กับคำว่า “ต่าง ๆ” (คำซ้ำ) จึงได้คำว่า “ต่าง ๆ นานา” (ซึ่งคำว่า ต่าง ๆ นานา นี้จัดเป็นคำซ้อนแล้วล่ะครับ)
อย่างหนึ่งที่มักหลงลืมกันจะเขียนเป็น “ต่าง ๆ นา ๆ” ซึ่งถือว่าเขียนผิดครับ ดังนั้น คำว่า “นานา” ไม่ใช่คำซ้ำครับ แต่จัดเป็น “คำมูล” (คำมูล คือ คำที่มีความหมายในตัวเองจะแยกออกจากกันมิได้เพราะจะทำให้คำนั้น ๆ ไม่มีความหมาย ซึ่งคำมูลนี้จะมีจำนวนพยางค์มากกว่า ๑ พยางค์ก็ได้ครับ)
เอาเข้าแล้วล่ะสิครับ “คำซ้ำ” คืออะไร? เรามาเริ่มเรียนรู้ “คำซ้ำ” ให้รู้จริง รู้ลึกพร้อมกันเถอะ
คำซ้ำ คืออะไร?
คำซ้ำ คือ วิธีการสร้างคำอย่างหนึ่งของไทยด้วยวิธีการซ้ำคำมูลเดิม ทำให้ความหมายของคำซ้ำที่ได้อาจเหมือนคำมูลเดิม หรือความหมายของคำที่ได้อาจจะมีน้ำหนักหรือความชัดเจนมากขึ้น หรือความหมายของคำที่ได้อาจจะมีน้ำหนักเบาลง หรือความหมายของคำที่ได้อาจจะมีน้ำหนักกว้างออกไปอีก หรือความหมายของคำที่ได้อาจแสดงความเป็นพหูพจน์ หรือความหมายของคำที่ได้อาจมีความหมายย้ายที่/เปลี่ยนไป/ความหมายใหม่ โดยเราจะเห็นว่ารูปของคำซ้ำนี้จะมีเครื่องหมายยมก (ๆ) เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นคำว่า เบา ๆ, ดี ๆ, ช้า ๆ, ไว ๆ, ดัง ๆ เป็นต้น ครับ
ความหมายในคำซ้ำ
ความหมายเหมือนคำมูลเดิม เช่น
– หญิงคนนั้นชอบคนรวย ๆ (ให้ความหมายว่า ร่ำรวย)
ความหมายที่มีน้ำหนักหรือเพิ่มความชัดเจนมากขึ้น เช่น
– ทำการบ้านต้องทำให้ดี ๆ (ให้ความหมายว่า ทำให้ดีหรือดียิ่งขึ้น)
– จงร่วมใจกันร้องเพลงให้เสียงดัง ๆ (ให้ความหมายว่า ทำให้เสียงดังยิ่งขึ้น)
– ลูกเสือรีบ ๆ เข้าแถวด่วน (ให้ความหมายว่า ให้รีบเร่งขึ้น)
– ดึก ๆ ดื่น ๆ ตื่นขึ้นมาทำอะไร (ให้ความหมายว่า ดึกมากแล้ว)
ความหมายที่มีน้ำหนักเบาลง เช่น
– ฉันมองเห็นเขาใส่เสื้อสีดำ ๆ (ให้ความหมายว่า ใส่เสื้อสีที่อาจเป็นสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำล้วน หรือมีสีอื่นปนอยู่ด้วย)
ความหมายที่มีน้ำหนักกว้างออกไปอีก เช่น
– พี่ชายคนนั้นนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ก็ปวดท้องขึ้นมา (ให้ความหมายว่า อาจมีอาการทั้งนั่ง นอน เดิน ก้มหน้าก้มตาและอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย)
ความหมายที่แสดงความเป็นพหูพจน์ เช่น
– เด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่ที่สนามกีฬาของโรงเรียน (ให้ความหมายว่า มีเด็กจำนวนมากกว่าหนึ่ง)
ความหมายของคำที่ได้อาจมีความหมายย้ายที่/เปลี่ยนไป/ความหมายใหม่ เช่น
– เรื่องผี ๆ พวกนี้เอามาเล่าทำไม (ให้ความหมายว่า เรื่องที่ไม่ดี)
– งานนี้เรื่องหมู ๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ (ให้ความหมายว่า ง่าย, ง่ายมาก)
– จงเห็นว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องกล้วย ๆ (ให้ความหมายว่า ง่าย, ง่ายมาก)
– อยู่ ๆ เพื่อนคนหนึ่งก็ร้องลั่นขึ้นมา (ให้ความหมายว่า แสดงอาการโดยไม่ทราบสาเหตุ)
– อย่าทำงานแบบลวก ๆ ไปส่งครูนะ (ให้ความหมายว่า การทำงานแบบมักง่ายหรือหยาบ)
– บ้านนอกของเราก็กินอยู่พื้น ๆ อย่างนี้ล่ะ (ให้ความหมายว่า ธรรมดา, ไม่พิถีพิถัน)
– ไป ๆ มา ๆ ทั้งสองก็ได้แต่งงานกันทั้งที่ก่อนเคยเกลียดกันมาก (ให้ความหมายว่า ในที่สุด)
– เขารู้พองู ๆ ปลา ๆ (ให้ความหมายว่า ไม่กระจ่าง, ไม่รู้เรื่องมาก)
ลักษณะของคำซ้ำ
เขียนเหมือนกัน
อ่านเหมือนกัน
ความหมายเหมือนกัน
เป็นคำชนิดเดียวกัน
ทำหน้าที่เดียวกัน
อยู่ในประโยคเดียวกัน
อ่านเหมือนกัน
ความหมายเหมือนกัน
เป็นคำชนิดเดียวกัน
ทำหน้าที่เดียวกัน
อยู่ในประโยคเดียวกัน
เรียนรู้คำซ้ำแล้ว เราก็รู้พึงตระหนักว่าคำซ้ำเป็นวิธีการสร้างคำอย่างหนึ่งของไทย เพื่อให้ได้คำที่เพียงพอตามเจตนารมณ์สำหรับใช้ในการสื่อสารภาษาไทยนั่นเอง ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น